5 เทคนิคปูพลาสติกคลุมวัชพืชให้ทน ลมไม่ยก ใช้ได้นาน ไม่ต้องแก้ซ้ำ

5 เทคนิคปูพลาสติกคลุมวัชพืชให้ทน ลมไม่ยก ใช้ได้นาน

การใช้ พลาสติกคลุมวัชพืช ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการควบคุมหญ้าในแปลงผักหรือสวนผลไม้ แต่หากปูไม่ดี ลมแรง ๆ อาจยกพลาสติกหลุดจากพื้น ทำให้ต้องกลับมาแก้ไขซ้ำ เสียทั้งเวลาและแรงงาน

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 เทคนิคสำคัญ ที่เกษตรกรมืออาชีพใช้จริง เพื่อให้พลาสติกคลุมวัชพืช แนบสนิท ทนลม ไม่ฉีกขาดง่าย พร้อมยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นหลายปี

✅ 1. ปรับหน้าดินให้เรียบและแน่นก่อนปู

ก่อนปูพลาสติก ควรเตรียมพื้นดินให้เรียบและแน่นด้วยการใช้คราดหรือเหล็กไถเล็ก ๆ เก็บก้อนหินหรือเศษไม้ เพราะพื้นดินที่ขรุขระจะทำให้พลาสติกเกิดรอยนูน พอลมพัดก็จะยกตัวง่ายขึ้น และอาจฉีกขาดเร็ว

✅ 2. เลือกพลาสติกที่มีน้ำหนักเหมาะสม

ควรเลือกพลาสติกที่มี น้ำหนักไม่น้อยกว่า 90 แกรม/ตารางเมตร เพราะน้ำหนักมากช่วยให้แนบพื้นได้ดีขึ้น เช่น พลาสติกคลุมวัชพืช SAFARI (90 แกรม/m²) ที่มีความหนาเฉลี่ย 285 ไมครอน เหมาะกับงานกลางแจ้ง และไม่ปลิวง่าย

✅ 3. ใช้หมุดตอกยึดทุกระยะ 1 เมตร

แนะนำให้ใช้หมุดพลาสติกหรือเหล็กตอกยึดทุกระยะ 1 เมตร (หรือถี่กว่านั้นถ้าลมแรงมาก) และเน้น ยึดบริเวณขอบพลาสติก เป็นพิเศษ โดยเฉพาะมุมทั้ง 4 มุม และจุดที่มีการเดินผ่านหรือรดน้ำบ่อย

💡 Tip: ถ้าไม่มีหมุดเฉพาะทาง สามารถใช้ตะปูยึดกับเศษไม้หรือหินทับไว้ก็ได้เช่นกัน

✅ 4. เว้นขอบไว้สำหรับพับซ้อนหรือกลบดิน

เมื่อปูพลาสติก ควรเว้นขอบข้างไว้ประมาณ 10–20 เซนติเมตร สำหรับ พับซ้อนหรือกลบดินทับ จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้พลาสติก และลดโอกาสลมพัดเข้าใต้แผ่นจนปลิวหลุด

✅ 5. เจาะรูพอดีต้น อย่าเว้นช่องโล่ง

ถ้าเจาะรูปลูกต้นไม้ ควร เจาะแค่พอดีกับต้นกล้า ไม่ควรเว้นช่องใหญ่เกินไป เพราะจะเป็นช่องทางให้อากาศเข้าและลมยกพลาสติกได้ ควรใช้มีดคัตเตอร์หรือกรรไกรตัดเฉพาะจุดที่จำเป็นเท่านั้น

📌 สรุป

หากปูพลาสติกคลุมวัชพืชอย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่จะควบคุมหญ้าได้ดี แต่ยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาว เพราะไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมแซมจากปัญหาพลาสติกปลิวหรือฉีกขาด

หากคุณมองหาพลาสติกคุณภาพสูงที่ ตัดแบ่งได้เป็นเมตร และ มีขนาดพิเศษให้เลือก
🛒 ดูรายละเอียดสินค้าได้ที่: พลาสติกคลุมวัชพืช SAFARI – Teenoishop
💬 สอบถามขนาดพิเศษทาง Line : TEENOISHOP