คู่มือเลือกพลาสติกปูบ่อสำหรับงานเกษตรและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

การเลือกความหนาพลาสติกปูบ่อที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ความหนาของพลาสติกจะกำหนดความทนทาน อายุการใช้งาน และความเหมาะสมกับงานแต่ละประเภท

ความหนา พลาสติกปูบ่อ

เหมาะกับ

ข้อดี

ข้อจำกัด

0.08 mm.

 

 

  • บ่อเก็บน้ำขนาดเล็กที่ใช้งานชั่วคราว
  • บ่อเก็บน้ำฝนสำหรับรดน้ำต้นไม้
  • บ่อเพาะกล้าไม้ระยะสั้น
  • การปูพื้นเรือนเพาะชำขนาดเล็ก
  • ราคาประหยัด
  • น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย
  • เหมาะกับงานที่ไม่มีแรงกดทางกลสูง
  • อายุการใช้งานสั้น (12 เดือน)
  • เสี่ยงต่อการฉีกขาดจากวัตถุแหลม
  • ไม่เหมาะกับบ่อลึกหรือมีปลาขนาดใหญ่

0.12 mm.

 

 

  • บ่อเลี้ยงปลาน้ำจืดขนาดเล็กถึงกลาง
  • บ่อเก็บน้ำสำหรับการเกษตรทั่วไป
  • บ่อเพาะพันธุ์ปลาแบบกึ่งถาวร
  • ระบบปลูกพืชไร้ดิน (Hydroponics) ขนาดกลาง
  • สมดุลระหว่างราคาและคุณภาพ
  • ความต้านทานการฉีกขาดดีกว่า 0.08 มม.
  • เหมาะกับการใช้งานระยะกลาง (1-2 ปี)
  • ยังไม่เหมาะกับบ่อขนาดใหญ่หรือลึกมาก
  • ต้องระวังการใช้เครื่องมือที่มีขอบแหลม

0.15 mm.

 

 

  • บ่อเลี้ยงปลาน้ำจืดขนาดกลางถึงใหญ่
  • บ่อเลี้ยงกบ นก หรือสัตว์น้ำอื่นๆ
  • บ่อเก็บน้ำสำหรับฟาร์มขนาดกลาง
  • ระบบ Aquaponics แบบครบวงจร
  • บ่อเพาะเลี้ยงกุ้งน้ำจืดเบื้องต้น
  • ความทนทานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
  • ต้านทานการเจาะทะลุจากราก หิน หรือกิ่งไม้
  • อายุการใช้งาน 2-3 ปี
  • รับแรงดันน้ำได้ดีขึ้น
  • ราคาสูงขึ้น
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น การติดตั้งต้องใช้แรงงานมากขึ้น

0.20 mm.

 

 

  • บ่อเลี้ยงปลาเชิงพาณิชย์
  • บ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำหรือกุ้งน้ำเค็ม
  • บ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่สำหรับการเกษตรอุตสาหกรรม
  • ระบบบำบัดน้ำเสียขั้นต้น
  • บ่อที่มีความลึกมากกว่า 1.5 เมตร
  • ความทนทานสูง ทนต่อสภาพอากาศหลากหลาย
  • ต้านทานรังสี UV ได้ดี
  • เหมาะกับการใช้งานระยะยาว (3-5 ปี)
  • รองรับน้ำหนักและแรงดันสูง
  • ต้นทุนสูง
  • ต้องมีประสบการณ์ในการติดตั้ง

0.25 mm.

 

 

  • บ่อเลี้ยงปลาเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
  • บ่อเลี้ยงกุ้งทะเลแบบเข้มข้น
  • ระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหายาก
  • บ่อเก็บน้ำสำหรับโรงงานหรือฟาร์มขนาดใหญ่
  • ระบบบำบัดน้ำเสียขั้นสูง
  • บ่อที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด
  • ความทนทานสูงสุด
  • ทนต่อสารเคมีและความเป็นกรด-ด่าง
  • อายุการใช้งาน 5-8 ปี หรือมากกว่า
  • เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง
  • ราคาแพงที่สุด
  • น้ำหนักมาก ต้องใช้เครื่องจักรในการติดตั้ง
  • ต้องมีความชำนาญในการติดตั้งและบำรุงรักษา

คำแนะนำในการเลือกใช้พลาสติกปูบ่อ

สำหรับมือใหม่:

เริ่มต้นด้วยความหนา 0.08 มม. เพื่อเรียนรู้และทดลองระบบ

สำหรับเกษตรกรรายย่อย:

เลือกความหนา 0.12-0.15 มม. เพื่อสมดุลระหว่างต้นทุนและความคุ้มค่า

สำหรับการลงทุนระยะยาว:

เลือกความหนา 0.2-0.25 มม. แม้ต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่คุ้มค่าในระยะยาว

 

การดูแลรักษา

ไม่ว่าจะเลือกพลาสติกความหนาใด การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานพลาสติกออกไปได้

    • ตรวจสอบความเสียหายเป็นประจำ
    • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือแหลมคมใกล้พลาสติก
    • หากมีการต่อพลาสติก ควรใช้น้ำยาประสานพลาสติกเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรง

การเลือกพลาสติกปูบ่อที่เหมาะสมจะช่วยให้โครงการของคุณประสบความสำเร็จและคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว